top of page

เทคโนโลยีการทำแผนที่ 3 มิติด้วยโดรนเพื่อช่วยผู้ประสบภัยในอาคาร


เมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องช่วยเหลือผู้ประสพภัยจากแผ่นดินไหว พวกเขาต้องมีข้อมูลแบบเรียลไทม์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยฉุกเฉินจำเป็นต้องรู้ว่าผู้ประสบภัยอยู่ที่ไหน และอาคารมีโครงสร้างที่มั่นคงเพียงพอหรือไม่ การส่งระบบอากาศยานไร้คนขับ (uncrewed aircraft system หรือ UAS) หรือ โดรน (Drone) เข้าไปในอาคารสามารถให้ข้อมูลอาคารนั้นได้โดยการบันทึกวิดีโอ เพื่อระบุอันตรายที่อาจเกิดขึ้น และทำแผนที่ภายในอาคาร


นาย Stephanie Layman เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยการสื่อสารด้านความปลอดภัยสาธารณะ (Public Safety Communications Research ของ สถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติ สหรัฐฯ (National Institute of Standards and Technology หรือ NIST) กล่าวว่า เทคโนโลยีการทำแผนที่จากการใช้โดรนนี้ช่วยให้เจ้าหน้าที่ทราบได้ว่ามีผู้ประสบภัยอยู่ที่ใด แผนที่จะสามารถช่วยนำทางเจ้าหน้าที่เพื่อช่วยผู้ประสบภัยและกลับออกมาอย่างปลอดภัยได้


Credit: R. Wilson/NIST
Credit: R. Wilson/NIST

Credit: R. Wilson/NIST
Credit: R. Wilson/NIST

อย่างไรก็ตาม การบินโดรนภายในอาคารนั้นยุ่งยากกว่าการบินโดรนกลางแจ้งมาก ด้วยเหตุผลหลายประการ โดรนมักอาศัย GPS เพื่อรักษาตำแหน่ง และอาจไม่สามารถใช้ในอาคารได้เสมอไป นอกจากนี้ โดรนอาจต้องเคลื่อนที่ผ่านพื้นที่แคบ เช่น ทางเดิน ประตู หรือบันได และยังต้องนำทางผ่านความปั่นป่วนของอากาศที่เกิดจากใบพัดของตัวเอง ซึ่งเกิดขึ้นกับเฮลิคอปเตอร์เช่นกัน Kamel S. Saidi ผู้จัดการโปรแกรมหุ่นยนต์ของ NIST ชี้ให้เห็นว่า แม้ว่าโดรนจะมีราคาไม่แพงในปัจจุบัน แต่อุปกรณ์ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์อาจมีราคาถึง 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ


Credit: R. Wilson/NIST
Credit: R. Wilson/NIST

เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีด้วยราคาถูกลง NIST จึงได้สนับสนุนการแข่งขันการทำแผนที่ 3 มิติในอาคาร เพื่อช่วยให้นักออกแบบและวิศวกร UAS สร้างระบบที่สามารถช่วยผู้ประสบภัยในอาคารได้ บทบาทอย่างหนึ่งของ NIST ในการดำเนินการดังกล่าวคือการนำทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาร่วมงานกัน เช่น องค์กรตอบสนองเหตุฉุกเฉิน นักบินโดรน และผู้เชี่ยวชาญด้านโดรน และจัดให้มีการทดสอบโดรนและนักบินอย่างเป็นกลาง นอกจากนี้ วิศวกรของ NIST ยังคิดค้นวิธีการประเมินว่าเทคโนโลยี UAS ทำงานได้ดีเพียงใดในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย วิธีการทดสอบเหล่านี้จะเป็นมาตรฐานในที่สุด เช่นเดียวกับกระบวนการที่ใช้ในพื้นที่อื่นๆ ของ NIST



Eric Bircher ผู้เข้าแข่งขันกล่าวว่าการแข่งขันครั้งนี้ช่วยให้ทีมของเขาพัฒนาเทคนิคการทำแผนที่ 3 มิติ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้โดรนทำงานให้กับเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ Bircher เริ่มสนใจโดรนหลังจากดูการแข่งขัน ในปี 2016 ปัจจุบันเขาให้คำปรึกษาด้านนี้และทำงานให้กับบริษัทที่ส่งอาหารโดยใช้โดรน แม้ว่าการแข่งขันครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญ ซึ่งมีศักยภาพในการช่วยให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยทำงานในสภาพแวดล้อมในอาคารที่ แต่ Saidi กล่าวว่าจะต้องใช้เวลาในการพัฒนา ก่อนที่เทคโนโลยีการทำแผนที่ 3 มิติแบบเรียลไทม์นี้จะพร้อมใช้งานในราคาที่ถูกลง

 


-------------------

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

Drones in Disaster Zones: How Advanced 3D Mapping Technology Can Help First Responders Save Lives, www.nist.gov/blogs/taking-measure/drones-disaster-zones-how-advanced-3d-mapping-technology-can-help-first

 


Commentaires


สำนักงานที่ปรึกษาด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน

Office of Higher Education, Science, Research and Innovation
Royal Thai Embassy, Washington D.C.

2025 All Rights Reserved
+1 (202) 944-5200
ost@thaiembdc.org
facebook.com/ohesdc

 
1024 Wisconsin Ave. NW Suite 104,
Washington D.C 20007
bottom of page