กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม คว้ารางวัล “สุดยอดหน่วยงานภาครัฐด้านการอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ รางวัลสำเภา-นาวาทอง” ประจำปี 2565 จากหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ชี้ช่วยปลดล็อกกฎหมาย กฎระเบียบ ช่วยลดปัญหาอุปสรรคและอำนวยความสะดวกการดำเนินงานของภาคธุรกิจอย่างดีเยี่ยม
เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ศ.ดร.นพ. สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เข้ารับ "รางวัลสุดยอดหน่วยงานภาครัฐด้านการอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ" หรือ รางวัล “สำเภา-นาวาทอง” ประจำปี 2565 ของหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นรางวัลของภาคเอกชน ประเมินโดยภาคเอกชน ผ่านมุมมองของภาคเอกชน และมอบรางวัลโดยภาคเอกชนให้แก่หน่วยงานภาครัฐที่ดำเนินการปลดล็อกกฎหมาย กฎระเบียบ ช่วยลดปัญหาอุปสรรคและอำนวยความสะดวกการดำเนินงานของภาคธุรกิจอย่างดีเยี่ยม เพื่อเป็นการให้กำลังใจและเชิดชูหน่วยงานภาครัฐที่ช่วยลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจอย่างเห็นผล
ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีและประธานมอบรางวัล กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่ภาคเอกชน จัดให้มีการประเมินและมอบรางวัลให้แก่หน่วยงานรัฐเป็นผลสำเร็จ และเป็นรางวัลที่สะท้อนถึงมุมมองจากภาคธุรกิจซึ่งเป็นผู้ใช้บริการอย่างแท้จริง โดยในปีที่ผ่านมา ได้มีการปลดล็อกกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจหรือเรียกว่า Regulatory Guillotine ไปแล้วกว่า 938 กระบวนงาน ซึ่งจากความก้าวหน้าและผลสัมฤทธิ์ดังกล่าว หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้ตระหนักถึงความทุ่มเทในการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ ที่มุ่งอำนวยความสะดวกกับภาคธุรกิจให้มีความสะดวกรวดเร็ว ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ ดังนั้น จึงได้มอบ "รางวัลสุดยอดหน่วยงานรัฐด้านการอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ" หรือรางวัล "สำเภา-นาวาทอง" เพื่อเชิดชูหน่วยงานภาครัฐที่ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ เปิดเผยว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของกระทรวง อว. ในการสร้างความร่วมมือและบูรณาการการทำงานกับภาคเอกชน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยไปด้วยกัน ขอขอบคุณ ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.อว. ที่มีนโยบายเด่นชัดในการสนับสนุนให้ทุกองคาพยพของกระทรวง อว.ในการร่วมมือกับภาคเอกชน ผู้ประกอบการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยดำเนินงานหลายเรื่องที่เห็นผลเป็นรูปธรรม ทั้งการจัดตั้ง อว. ส่วนหน้า ในทุกจังหวัดเพื่อร่วมพัฒนายกระดับเศรษฐกิจและสังคมเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ การขับเคลื่อนโครงการ U2T มหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ
“ที่สำคัญได้มีความร่วมมือกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ในการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนระดับภูมิภาค ซึ่งได้ประสบความสำเร็จในการจัดทำ “แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับภาคเอกชน” นำร่องแล้ว 17 แผน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งระดับภาค ระดับกลุ่มจังหวัด ระดับจังหวัด กระจายความเจริญยกระดับเศรษฐกิจภูมิภาค และยังคงเดินหน้าต่อในการจัดทำแผนให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในเดือน ม.ค.2567 นอกจากนี้ อว.ยังสนับสนุนผู้ประกอบการและภาคเอกชนผ่านหลายโครงการ อาทิ กองทุนพัฒนาผู้ประกอบการ เทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือ TED Fund ที่สนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการขั้นต้นในการต่อยอดธุรกิจ ซึ่งสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจไปกว่า 3,000 ล้านบาท หรือการจัดให้มีศูนย์บ่มเพาะธุรกิจในสถาบันอุดมศึกษา และอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค เพื่อเป็นพี่เลี้ยงในการให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษากับภาคธุรกิจให้ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือการสนับสนุนองค์ความรู้และแลกเปลี่ยนบุคลากรร่วมกันกับภาคเอกชนในอีกหลายกิจกรรม เป็นต้น” ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ กล่าว
Comments